"ตลาดเมียงดง "
วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
Welcome To Korea
แหล่งท่องเที่ยวของเกาหลี
SEOUL
กรุงโซล (เซอูล) เมืองหลวงอายุมากกว่า 600 ปี ที่อนุรักษ์ความเก่าแก่โบราณให้กลมกลืนกับความทันสมัย ศูนย์กลางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม ถูกโอบร้อมด้วยภูเขาและมีแม่น้ำฮันคัง - สายโลหิตของชาวเมือง ไหลผ่านใจกลางเมืองและสวรรค์สำหรับนักช้อปปิ้ง มีประชากรราว 14 ล้านคน
1. KYONGBOK PALACE - NATIONAL FOLKLORE MUSEUM - PASSBY THE PRESIDENTIAL PALACE, BLUE HOUSEพระ ราชวังเคียงบ๊อก พิพิธภัณท์พื้นบ้าน แวะผผ่านชมบ้านประธานาธิบดี พระราชวังเคียงบ๊อก สร้างขึ้นในปี ค. ศ. 1394 สมัยราชวงศ์โซซอน เป็นศูนย์บัญชาการและที่ประทับของกษัตริย์ เมื่อสมัย 600 ปีก่อน เยี่ยมชมท้องพระโรง พลับพลากลางน้ำ ภายในพระราชวังมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ที่จำลองชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมของชนชาติเกาหลี ในอดีตตลอดจนผ่านชมทำเนียบและบ้านประธานาธิบดีคนปัจจุบัน
2. SEOUL TOWER (CABLE CAR + LIFT) สวนสาธารณะนัมซานและหอคอยกรุงโซล นั่งกระเช้าไฟฟ้าสู่สวนสาธารณะนัมซานซึ่งตั้งอยู่บนเขานัมซานใจกลางเมือง หลวง ชมทัศนียภาพอันงดงามของกรุงโซล บนหอคอยกรุงโซล 1 ใน 10 หอคอยเมืองที่สูงที่สุดในโลก สูงถึง 480 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
กรุงโซล (เซอูล) เมืองหลวงอายุมากกว่า 600 ปี ที่อนุรักษ์ความเก่าแก่โบราณให้กลมกลืนกับความทันสมัย ศูนย์กลางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม ถูกโอบร้อมด้วยภูเขาและมีแม่น้ำฮันคัง - สายโลหิตของชาวเมือง ไหลผ่านใจกลางเมืองและสวรรค์สำหรับนักช้อปปิ้ง มีประชากรราว 14 ล้านคน
1. KYONGBOK PALACE - NATIONAL FOLKLORE MUSEUM - PASSBY THE PRESIDENTIAL PALACE, BLUE HOUSEพระ ราชวังเคียงบ๊อก พิพิธภัณท์พื้นบ้าน แวะผผ่านชมบ้านประธานาธิบดี พระราชวังเคียงบ๊อก สร้างขึ้นในปี ค. ศ. 1394 สมัยราชวงศ์โซซอน เป็นศูนย์บัญชาการและที่ประทับของกษัตริย์ เมื่อสมัย 600 ปีก่อน เยี่ยมชมท้องพระโรง พลับพลากลางน้ำ ภายในพระราชวังมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ที่จำลองชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมของชนชาติเกาหลี ในอดีตตลอดจนผ่านชมทำเนียบและบ้านประธานาธิบดีคนปัจจุบัน
2. SEOUL TOWER (CABLE CAR + LIFT) สวนสาธารณะนัมซานและหอคอยกรุงโซล นั่งกระเช้าไฟฟ้าสู่สวนสาธารณะนัมซานซึ่งตั้งอยู่บนเขานัมซานใจกลางเมือง หลวง ชมทัศนียภาพอันงดงามของกรุงโซล บนหอคอยกรุงโซล 1 ใน 10 หอคอยเมืองที่สูงที่สุดในโลก สูงถึง 480 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
3. CHOGYESA TEMPLE วัดโซเกซา สร้างขึ้นในปี 1910 เป็นวัดใหญ่เพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง และในปี 1936 ได้กลายเป็นวัดศูนย์กลางพุทธศาสนานิกายโซเก นิกายที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี ภายในศาลาจะเป็นที่ตั้งขององค์พระประธาน และพระพุทธรูปน้อยใหญ่ ภายในวัดยังมีต้นสนที่นำมาจากเมืองจีน ซึ่งมีอายุกว่า 500 ปี ใกล้ ๆ กับวัด มีร้านสังฆภัณฑ์มากมายตั้งอยู่
4. HAN-GANG RIVER CRUISE ล่องแม่น้ำฮัน แม่น้ำฮัน เป็นเม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ตลอดความยาว 15 กม. ที่เรือเล่น จากท่าเรือชัมชิลหรือยอ-อิ-โด สองข้างทางแม่น้ำฮัน จะขนาบด้วยถนน สวนสาธารณะอนุเสาวรีย์ ตึกรามบ้านช่องทั้งแบบดั้งเดิมและทันสมัยความใสสะอาดของแม่น้ำฮัน
5. OLYMPIC STADIEUM สนามกีฬาโอลิมปิค ชมความยิ่งใหญ่ของสนามกีฬาโอลิมปิคซึ่งประเทศเกาหลีใต้ได้รับเกรียติเป็น เจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิคครั้งที่ 24 เมื่อ ปี ค.ศ.1988 สนามแห่งนี้สามารถจุผู้ชมได้ถึงหนึ่งแสนคน และยังได้รับคัดเลือกให้ใช้ในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ในปี ค.ศ. 2002 ซึ่งประเทศเกาหลีและประเทศญี่ปุ่นร่วมกันเป็นเจ้าภาพ
6. WAR MEMORIAL พิพิธภัณฑ์สงคราม แวะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สงคราม ที่เปิดเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อระลึกถึงผู้คนและทหารหาญ ที่ได้ช่วยปกป้องประเทศเกาหลีในช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเพื่อสอนให้ผู้คนในปัจจุบันได้เรียนรู้ถึงบทเรียนอันเจ็บปวดที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก ท่านจะได้ถ่ายรูปกับเครื่องบิน รถถัง ตลอดจนยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่นำมาจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเกาหลีในปี 1950
7. PONGUNSA TEMPLE วัดพงเอินซา นำท่านนมัสการ วัดใหญ่- พงเอินซา วัดอันเก่าแก่ของชาวเกาหลี ชมความงดงามของศิลปะและสถาปัตยกรรมและนมัสการพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ พร้อมนมัสการเจ้าแม่กวนอิมองค์ยืนตระหง่านอยู่กลางแจ้ง
8. LOTTE WORLD ADVENTURE สวน สนุกล็อตเต้เวิลดิ์ นำท่านสู่ดินแดนแห่งความสนุกหฤหรรษ์และไฮเทคในรูปแบบใหม่ที่สวนสนุกล็อตเต้ เวิลดิ์ สวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี สนุกสนานกับเครื่องเล่นหลากชนิดทั้งในร่มและกลางแจ้ง ไม่ว่าการผจญภัยกับโลกของซินเบต หอคอย โรงหนังสามมิติ ไวกิ้ง รถรางไฟฟ้า ชมความงามของสวนสนุกทั้งภายในและนอกอาคาร เกมส์การละเล่นต่าง ๆ ขบวนพาเหรด โชว์ต่าง ๆ ตลอดจนร้านขายอาหาร ร้านขายของที่ระลึกเฉพาะของสวนสนุกล็อตเต้เวิลดิ์
9. TONGDAEMUN MARKET ตลาดทงแดมุน ตั้งอยู่ใกล้ประตูเมืองตะวันออก เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของกรุงโซลและยอดฮิตที่สุด แหล่งรวมเสื้อผ้า ผ้าพันคอ เนคไท ถุงเท้า ถุงน่อง ชุดสูท ผ้าชิ้น อุปกรณ์กีฬา กิ๊ฟช้อป สินค้าพื้นเมือง ในราคาขายส่งและปลีก
10. NAMDAEMUN MARKET ตลาดนัมแดมุน ตั้งอยู่ใกล้ประตูเมืองทิศใต้ ซึ่งเป็นประตูเมืองที่เก่าแก่ที่สุดตลาดพื้นเมืองอีกแห่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ร้านอาหารเป็นต้น และร้านรวงต่าง ๆ ยังเปิดบริการเที่ยงคืนให้ ผู้ไม่มีเวลาระหว่างวันได้มาเลือกซื้อของ
11. ITAEWON STREET ถนนอีแทวอน เที่ยวเขตท่องเที่ยวพิเศษ - ถนนอีแทวอน ซึ่งเป็น 1 ในแหล่งช็อปปิ้งที่นักท่องเที่ยวหรือคนพื้นเมืองเองชื่นชอบมีร้านรวงกว่าพัน ร้านค้าตลอด ถนนที่ยาว 1.5 กม. มี สินค้าให้เลือกมายมาย โดยเฉพาะสินค้าเครื่องหนังที่ที่เลียนแบบยี่ห้อดัง ๆ จากทั่วโลก ในราคาน่าซื้อ ถือเป็นถนนนานาชาติ
12. INSADONG ย่าน อินซาดอง ณ ย่านที่ได้ชื่อว่า " ถนนแห่งแอนติค " ค้นพบความเก่าแก่ที่ผสมอารยธรรมสมัยใหม่ในเมืองหลวง ร้านแกลอรี่ ร้านศิลปะพื้นเมือง ร้านขายวัตถุโบราณ ร้านอาหารพื้นเมืองที่เลื่องชื่อ ร้านชาพื้นเมือง โบราณที่มีชื่อเสียง ร้านสะสมแสตมป์ ร้านเซรามิค เป็นต้น
13. MYONGDONG ย่านเมียงดอง ถูกขนานนามว่า " ถนนแฟชั่นของเกาหลี " ทุก ๆ วัน จะมี ผู้คนมาที่นี่กว่า 1 ล้านคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา หนุ่มสาว คนทำงาน เพื่อเลือกซื้อสินค้าและบริการที่ชื่นชอบ อาทิเช่น ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นบูติก ร้านรองเท้า ร้านทำผม ร้านคอสเมติก ร้านกาแฟ โรงหนัง และร้านอาหารนานาชนิด ไม่ไกลนักยังเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง
14. YONGSAN ELECTRONICS MARKET ตลาดไฟฟ้ายงซาน ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ใช้ภายในบ้านหรือแม้กระทั่งคอมพิวเตอร์ ก็สามารถหาซื้อได้ที่ นี่ ซึ่งมีร้านค้าคอยให้บริการมากกว่า 5,000 ร้าน มีขนาดใหญ่กว่าย่านอาคิฮาบาราของประเทศญี่ปุ่นเสียอีก
15. DEPARTMENT STORE ห้าง สรรพสินค้า OR DUTY FREE SHOP ห้างหรือร้านค้าปลอดภาษี ห้างสรรพสินค้ามีอยู่ทั่วไป และร้านค้าปลอดภาษี อาทิเช่น ชิลล่าดิวตี้ฟรี ล๊อตเต้ดิวตี้ฟรี สนามบิน เป็นต้น
การแต่งกายประจำชาติ
ฮันบก เป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติเกาหลีมา เป็นเวลาพัน ๆ ปีมาแล้ว ความงามและความอ่อนช้อยของวัฒนธรรมเกาหลีจะถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทางภาพถ่าย ของสุภาพสตรีในเครื่องแต่งกายฮันบกนี้
ก่อนที่วัฒนธรรมการแต่งกายแบบตะวันตกจะได้เข้ามาในเกาหลีเมื่อร้อยปีมา แล้วนั้น หญิงชาวเกาหลีจะสวมชุดฮันบกเป็นปกติทุกวัน ส่วนสุภาพบุรุษจะสวมชอโกรี (เสื้อนอกแบบเกาหลี) และพาจิ (กางเกงขายาว) ในขณะที่สุภาพสตรีสวมชอกอรีและชีมา (กระโปรง) ในปัจจุบันชุดประจำชาติฮันบก จะใช้สวมเฉพาะในโอกาสพิเศษต่าง ๆ เช่น งานมงคลสมรส วันซอลลัล (วันขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติ) หรือวันชูซก (วันขอบคุณพระเจ้า) ฮันบก ของผู้หญิงประกอบด้วย กระโปรงพันรอบตัว เรียกว่า “ชิมา” และเสื้อ “ชอกอรี” ซึ่งคล้ายเสื้อแจ็คเก็ตฮันบกของผู้ชายประกอบด้วยชอกอริเช่นกัน แต่สั้นกว่าของผู้หญิง และมีกางเกงเรียกว่า “บาจิ” ทั้งชุดของผู้หญิงและผู้ชายสวมคลุมทับด้วยเสื้อคลุมยาวเรียกว่า “ตุรุมากิ”
ก่อนที่วัฒนธรรมการแต่งกายแบบตะวันตกจะได้เข้ามาในเกาหลีเมื่อร้อยปีมา แล้วนั้น หญิงชาวเกาหลีจะสวมชุดฮันบกเป็นปกติทุกวัน ส่วนสุภาพบุรุษจะสวมชอโกรี (เสื้อนอกแบบเกาหลี) และพาจิ (กางเกงขายาว) ในขณะที่สุภาพสตรีสวมชอกอรีและชีมา (กระโปรง) ในปัจจุบันชุดประจำชาติฮันบก จะใช้สวมเฉพาะในโอกาสพิเศษต่าง ๆ เช่น งานมงคลสมรส วันซอลลัล (วันขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติ) หรือวันชูซก (วันขอบคุณพระเจ้า) ฮันบก ของผู้หญิงประกอบด้วย กระโปรงพันรอบตัว เรียกว่า “ชิมา” และเสื้อ “ชอกอรี” ซึ่งคล้ายเสื้อแจ็คเก็ตฮันบกของผู้ชายประกอบด้วยชอกอริเช่นกัน แต่สั้นกว่าของผู้หญิง และมีกางเกงเรียกว่า “บาจิ” ทั้งชุดของผู้หญิงและผู้ชายสวมคลุมทับด้วยเสื้อคลุมยาวเรียกว่า “ตุรุมากิ”
ส่วนประกอบของฮันบกจะมีดังนี้
저고리 (ชอ-โก-รี)
คือ เสื้อนอกท่อนบนของผู้หญิงที่มีความยาวระดับอก แขนยาวถึงข้อมือ (นี่อาจจะเป็นต้นแบบของแฟชั่นแจ็คเก็ตสั้นครึ่งตัวในสมัยนี้) ในสมัยก่อนชอโกรีมีความยาวถึงประมาณเอว แต่เมื่อเวลาผ่านไป ชอโกรีก็ค่อยๆสั้นขึ้น จากเอวมาที่อก จนกระทั่งขึ้นไปเหนือเต้านม
ส่วนชอโกรีของผู้ชาย 남자 저고리 (นัม-จา ชอ-โก-รี) ต่างตรงที่เสื้อยาวถึงเอว
วิธีผูกโครึม (고름) ที่ชอโกรี
1. โครึมจะมีเส้นสั้นและเส้นยาว
2. ให้เอาเส้นที่สั้นทับด้านบนเส้นที่ยาวเป็นลักษณะคล้ายกากบาท
3. สอดเส้นสั้นเข้าที่ช่องว่างตรงกลางดึงขึ้นไปด้านบน
4. พลิกเส้นสั้นกลับลงมา ใช้มือข้างหนึ่งจับที่ต้นเส้นสั้น และมืออีกข้างหนึ่งดึงปลายเส้นสั้นไปทางด้านข้างออกจากตัว ให้เกิดช่องว่าง
5. พับเส้นยาวครึ่งหนึ่งแล้วสอดไปทางช่องว่างของเส้นสั้น
6. สอดเส้นสั้นลงไปด้านล่างของเส้นยาว ดึงให้ตึง จัดให้ความยาวพอดีกัน
7. เสร็จเรียบร้อย
.
치마 (ชี่-มา)
เป็นกระโปรงของผู้หญิงที่ปกปิดร่างกายต่อจากชอโกรี มีความยาวคลุมถึงข้อเท้า
속치마 (ซก-ชี่-มา)
กระโปรงชั้นในสำหรับผู้หญิง ใส่ไว้ชั้นในสุด
.
바지 (พา-จี)
กางเกงของผู้ชาย มีความยาวคลุมถึงข้อเท้าเช่นเดียวกัน
วิธีผูกแทนิม (대님) ที่ปลายพาจี
1. ดึงกลีบตรงกลางพาจีออกไปด้านหน้าให้ตึง
2. พับและพันกลีบไปด้านข้างหันออกจากลำตัว ดึงให้ตึง แน่น พอดีกับข้อเท้า
3. พันสายแทนิมไปรอบข้อเท้า 2 รอบ
4. ผูกแทนิมเหมือนริบบิ้นหรือโบว์ทั่วไป
5. ให้โบว์อยู่ด้านข้างเข้าหาลำตัว
6. เสร็จเรียบร้อย
.
두루마기 (ทู-รู-มา-กี)
เป็น เสื้อนอกขนาดยาวเลยเข่า มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ใส่เมื่อออกไปข้างนอกหรือเพื่อสร้างความอบอุ่นในหน้าหนาวและถ้าเป็นขุนนาง หรือชนชั้นสูงศักดิ์ก็จะใส่ไว้ตลอด
.
마고자 (มา-โก-จา)
เป็นฮันบกอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยม ต่างกับชอโกรีตรงที่คอปกเสื้อไม่ทับซ้อนกัน
อันนี้เป็นมาโกจาของผู้ชายจะมีความยาวเลยเอว
ส่วนอันนี้มาโกจาของผู้หญิงสั้นกว่าของผู้ชายหน่อยคือเกือบถึงเอว
.
조끼 (โช-กี)
เป็นแจ็คเก็ตแขนกุดสวมทับชอโกรีอีกทีนึง ใส่ในโอกาสและเทศกาลต่างๆ
.
버선 (พอ-ซอน)
เป็นถุงเท้าสำหรับชุดฮันบก ดูแล้วป้อมๆสั้นๆเหมือนเท้าเด็กดีเนอะ
.
꽃신 (กด-ชิน)
หลังจากใส่ถุงเท้าแล้ว ก็ต้องทับด้วยไอ้นี่เลย เป็นรองเท้าสำหรับชุดฮันบกของผู้หญิง จะมีลายดอกไม้อยู่รอบๆรองเท้า
.
아얌 (อา-ยัม)
เป็นหมวกสำหรับผู้หญิง ใส่กับชุดฮันบก มีหางยาวไปถึงหลัง ไว้ป้องกันความเหน็บหนาว
.
갓 (คัด)
เป็น หมวกสำหรับผู้ชาย ทรงสูง มีสายรัดใต้คาง สีดำโปร่ง ส่วนใหญ่จะเป็นขุนนางหรือผู้ที่ทำงานอยู่ในวังใส่กัน ถ้าใครดูแดจังกึม ก็อาจจะเห็นหมวกอันนี้อยู่บ่อยๆ
เวลาที่ใส่คัด ผู้ชายก็จะทำผมทรงซังทู (상투) คือม้วนเป็นก้อนกลมๆไว้บนกระหม่อม (อุนจิอ๊ะป่าว?) แล้วก็มีผ้าคาดหัวด้วยล่ะ
.
비녀 (พี-นยอ)
ปิ่นปักผมของผู้หญิง ไว้ปักมวยผมด้านหลัง ความยาวและวัสดุที่ใช้จะขึ้นอยู่กับสถานะและบรรดาศักดิ์ของแต่ละคน
.
떨잠 (ตอล-จัม)
เป็น ปิ่นประดับผม ใช้กับทรงนางพญาพ่นไฟอ่ะ 55 คือทรงที่อยู่ในรูปด้านล่าง จะมีหัวใหญ่ๆ ประดับอย่างสวยงามด้วยเพชรนิลจินดา ผู้ที่ใส่คือ ผู้หญิงในราชวงศ์ เช่น เจ้าหญิงและพระชายา
.
노리개 (โน-รี-แก)
เป็น เครื่องประดับที่ไว้ห้อยติดกับชอโกรี จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า ในเรื่องแดจังกึม มีอยู่ตอนนึงพระเอกซื้อโนรีแกให้นางเอกด้วย คงประมาณที่ห้อยมือถือในสมัยนี้อ่ะนะ
อาหารประจำชาติ
กิมจิ
สูตรนี้ทำแล้วจะได้ผักดองประมาณ 3-4 กิโลกรัม
เครื่องปรุง
วิธีการทำ
1 ล้างผักและหั่นให้เป็นชิ้นยาวๆๆๆ
ผักกาดขาว แค่ปลิดใบแล้วล้างก็พอ อย่าหั่นเหมือนผัดนะครับ มันจะเละไปครับ
หั่นเสร็จแล้วเอาเกลือโรย ใส่น้ำลงไปสัก 2 ถ้วย เคล้าให้เข้ากัน แล้วตั้งทิ้งไว้สัก 4-5 ชั่วโมง
เกลือจะทำให้น้ำในผักออกมา ผักจะเหี่ยวหลังจากแช่ทิ้งไว้ครับ
เมื่อแช่ทิ้งไว้ น้ำจะเอ่อออกมาขนาดนี้ครับ
หลังจากทิ้งไว้แล้ว ก็ให้ล้างน้ำสัก 2 ครั้งแล้วบีบน้ำให้สะเด็ด
เคล็ดลับ.... เวลาล้างแล้ว ลองหยิบมาชิมดูหน่อยนะจ๊ะ ถ้าผักยังเค็มอยู่ ก็ล้างน้ำสะอาดเพ่ม
อีกนะครับ เพราะเวลาเราปรุงรส เราจะต้องใส่น้ำปลาเข้าไปอีก ถ้าผักยังเค็ม มันจะทำให้
กิมจิของเราเค็มเกินไป อาจจะเสวยกันไม่ได้นะครับ
นี่ครับโฉมหน้าเครื่องปรุง ขิงและกระเทียมผมจะปั่นให้ละเอียด เพราะเวลาเคล้ามันจะง่ายดีครับ
นี่ครับ หัวใจของกิมจิ พริกเกาหลีป่นครับ ถ้าไม่มีก็ใส่พริกชี้ฟ้าแห้งแทนก็ได้ แต่ผมไม่แนะนำเพราะ
สีมันไม่ค่อยสวย ดำๆๆแดงๆๆ แหวะ ผมไม่ชอบครับ
ควรจะใช้พริกเกาหลีดีที่สุด
สถาน ที่ขายพริกเกาหลีบด ผมเคยเดินหามาหลายแห่ง และพบว่ามีขายอยู่ไม่กี่แห่ง ร้านที่ผมซื้อเป็นประจำอยู่ที่ ห้างทามสะแคว์ครับ ตรงอโศกครับ ร้านนี้ตั้งอยุ่ที่ชั้น1 ใกล้ๆๆกับห้องน้ำครับ เจ้าของร้านเป็นชาวเกาหลี ขายกิมจิและอุปกรณ์อาหารเกาหลี รวมทั้งอาหารขบเคี้ยวจากเกาหลี ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนเกาหลีเสียส่วนใหญ่ ที่ห้างนี้มีร้านอาหารเกาหลีเพียบเลย และร้านที่ผมซื้อนี้ก็ขายของนำเข้าจากเกาหลีทั้งนั้นเลยครับ พริกเกาหลีที่ผมซื้อมา ประมาณครึ่งโล ก็ราวๆ 140 บาทเท่านั้น ปริมาณเยอะมากใช้เป็นปีก็ไม่หมดครับ
ถ้าใครอยากทำกิมจิให้สีสดๆๆ ก็เพิ่มปริมาณพริกลงไป ใส่ไปเถอะครับ พริกเกาหลี
มันไม่เผ็ดหรอกครับ สีมันแดงน่ากลัวเฉยๆๆ แต่ถ้าเป็นพริกของไทย อันนี้ไม่ขอแนะนะจ๊ะ
เราจะทำส่วนผสมทั้งหมดเทลงชามแบบนี้ครับ
สูตรนี้ทำแล้วจะได้ผักดองประมาณ 3-4 กิโลกรัม
เครื่องปรุง
- ผัดกาดขาว 4 กก.
- หัวใชเท้า 0.5 กก.
- เกลือ 5 ชต.
- น้ำปลา 5 ชต.
- กระเทียมสดบด 3 ชต.
- ขิงสดบด 3 ชต
- ต้นหอมประมาณ 1 กำมือ
- พริกเกาหลี 3 ชต.
- น้ำตาล 1 ชต.
วิธีการทำ
1 ล้างผักและหั่นให้เป็นชิ้นยาวๆๆๆ
ผักกาดขาว แค่ปลิดใบแล้วล้างก็พอ อย่าหั่นเหมือนผัดนะครับ มันจะเละไปครับ
หั่นเสร็จแล้วเอาเกลือโรย ใส่น้ำลงไปสัก 2 ถ้วย เคล้าให้เข้ากัน แล้วตั้งทิ้งไว้สัก 4-5 ชั่วโมง
เกลือจะทำให้น้ำในผักออกมา ผักจะเหี่ยวหลังจากแช่ทิ้งไว้ครับ
เมื่อแช่ทิ้งไว้ น้ำจะเอ่อออกมาขนาดนี้ครับ
หลังจากทิ้งไว้แล้ว ก็ให้ล้างน้ำสัก 2 ครั้งแล้วบีบน้ำให้สะเด็ด
เคล็ดลับ.... เวลาล้างแล้ว ลองหยิบมาชิมดูหน่อยนะจ๊ะ ถ้าผักยังเค็มอยู่ ก็ล้างน้ำสะอาดเพ่ม
อีกนะครับ เพราะเวลาเราปรุงรส เราจะต้องใส่น้ำปลาเข้าไปอีก ถ้าผักยังเค็ม มันจะทำให้
กิมจิของเราเค็มเกินไป อาจจะเสวยกันไม่ได้นะครับ
นี่ครับโฉมหน้าเครื่องปรุง ขิงและกระเทียมผมจะปั่นให้ละเอียด เพราะเวลาเคล้ามันจะง่ายดีครับ
นี่ครับ หัวใจของกิมจิ พริกเกาหลีป่นครับ ถ้าไม่มีก็ใส่พริกชี้ฟ้าแห้งแทนก็ได้ แต่ผมไม่แนะนำเพราะ
สีมันไม่ค่อยสวย ดำๆๆแดงๆๆ แหวะ ผมไม่ชอบครับ
ควรจะใช้พริกเกาหลีดีที่สุด
สถาน ที่ขายพริกเกาหลีบด ผมเคยเดินหามาหลายแห่ง และพบว่ามีขายอยู่ไม่กี่แห่ง ร้านที่ผมซื้อเป็นประจำอยู่ที่ ห้างทามสะแคว์ครับ ตรงอโศกครับ ร้านนี้ตั้งอยุ่ที่ชั้น1 ใกล้ๆๆกับห้องน้ำครับ เจ้าของร้านเป็นชาวเกาหลี ขายกิมจิและอุปกรณ์อาหารเกาหลี รวมทั้งอาหารขบเคี้ยวจากเกาหลี ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนเกาหลีเสียส่วนใหญ่ ที่ห้างนี้มีร้านอาหารเกาหลีเพียบเลย และร้านที่ผมซื้อนี้ก็ขายของนำเข้าจากเกาหลีทั้งนั้นเลยครับ พริกเกาหลีที่ผมซื้อมา ประมาณครึ่งโล ก็ราวๆ 140 บาทเท่านั้น ปริมาณเยอะมากใช้เป็นปีก็ไม่หมดครับ
ถ้าใครอยากทำกิมจิให้สีสดๆๆ ก็เพิ่มปริมาณพริกลงไป ใส่ไปเถอะครับ พริกเกาหลี
มันไม่เผ็ดหรอกครับ สีมันแดงน่ากลัวเฉยๆๆ แต่ถ้าเป็นพริกของไทย อันนี้ไม่ขอแนะนะจ๊ะ
เราจะทำส่วนผสมทั้งหมดเทลงชามแบบนี้ครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)